แนะนำcactusสายพันธ์ุที่น่าสนใจ
"Cactus"เป็นไม้ประดับในประเทศไทยจำกัดเฉพาะในกลุ่มนักสะสม และใช้วิธีหาเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศมาปลูก มีความนิยมมากขึ้นเมื่อผสมกับต้นพันธุ์ให้ติดดอก ติดเมล็ด จนกลายเป็นอาชีพของใครหลายๆ คน
วันนี้นะคะ cactus club ของเราจะพาไปรู้จักกับเจ้าไม้หนามสุดฮิตกันค่ะ
แคคตัสนะคะเป็นไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศของเราด้วยรูปร่างลักษณะที่แปลกตา นอกจากจะสามารถปลูกไว่ชื่นชมให้ผ่อนคลายได้แล้ว แคคตัสยังสามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้อีกด้วย
ต่อไปนะคะ cactus club ของเราจะพาไปรู้จัก แคคตัสสกุลที่น่าสนใจทั้ง 9สกุลกันนะคะ
ยิมโนคาลิเซียม
Variegated Gymnocalycium
ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium) กระบองเพชรสกุลนี้มีถิ่นกำเนิดในบลาซิล โบลิเวีย อาร์เจนตินา อุรุกวัย และปรากวัย ดอกมีขนาดใหญ่สวยงาม เลี้ยงง่าย เติบโตเร็ว และมีความต้านทานโรคได้ดี ส่วนมากมีลักษณะลำต้นทรงกลม หรือกลมแป้น มีเพียงบางชนิดที่เป็นรูปทรงกระบอก มีสันหนามแยกกันอย่างชัดเจน สันหนามมีลักษณะพองโป่ง คล้ายโหนกยื่นออกมา สามารถออกดอกไดเมื่อต้นมีอายุได้ 2 ปี ดอกจะแทงออกจากส่วนยอด ดอกเป็นหลอดสั้นบาง ปกคลุมด้วยกาบเปลือย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสกุลนี้ ดอกมีหลายสี ได้แก่ สีขาว สีครีมออกเหลือง ชมพูเข้มถึงแดงเข้ม ออกดอกในฤดูร้อน
การเลี้ยงไม่จำเป็นต้องถูกแสงแดดมาก แต่สามารถปลูกที่กลางแจ้งได้ดี และต้องระวังไม่รดน้ำมากหรือระวังไม่ให้โดนฝนมากทั้งนี้ กระบองเพชรชนิดนี้ สามารถทนแล้งได้ดีมาก แต่หากได้รับน้ำมากหรือดินมีความชื้นมากมักจะล้มเน่าตายได้ง่าย
แอสโตรไฟตัม วี
Astrophytum asterias (V-type)
แอสโตร Astrophytum มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อเช่น sand dollar cactus, sea - urchin cactus, star cactus, และ star peyote. ถิ่นกำเนิดอยู่ในสหรัฐอเมริกา รัฐเทกซัส และประเทศเมกซิโก แต่จะมาได้รับการพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจังก็คือในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในญี่ปุ่นจะเรียก Astrophytum ว่า Kabuto (คาบูโตะ) 「兜」 ซึ่งแปลว่าหมวก หรือหมวกซามูไรของญี่ปุ่น
อย่างที่บอกกันไปก่อนหน้านี้แล้วว่า แอสโตรไฟตัมได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังภายหลังในประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นที่มาว่าทำไมคนไทยถึงได้ยินชื่อ แอสโตร คาบูโตะ (kabuto) กันตลอด แล้วชื่อเรียกลาย หรือทรงต่าง ๆ ก็ยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย มีอยู่ชนิดนึงที่ปุ๋ยได้ยินบ่อย ๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษก็คือ “นูดัม” คือต้นที่สีเขียวล้วนไม่มีจุดประขาว และ “แซนด่าง” มาจาก
sand cactus และ คำว่าด่างในภาษาไทย ซึ่งเรียกถึง ต้นแอสโตรที่ลายด่างนั่นเอง
แอสโตรไฟตัม กิ๊กโกะ
Astrophytum asterias (kikko)
กิ๊กโกะ เป็นแคคตัสที่ไม่มีหนามเช่นกัน มีลักษณะเป็นบั้งหยักเว้าเข้าไปเป็นร่อง สำหรับต้นนี้มีความแปลกตรงที่มีลักษณะต้นคล้ายกับกระดองเต่า เมื่อมองจากด้านบนต้น ถ้าเลี้ยงดูดีๆ ให้โดนแดดที่เหมาะสม ก็จะมีดอกสวยๆ ให้เราได้ชมกัน
ถ้าใครอยากขยายพันธุ์เพิ่มก็สามารถใช้ดอกของต้นมาเขี่ยผสมเกสรกันกับอีกต้น เพื่อเอาเมล็ดไปเพาะพันธุ์ขยายจำนวนได้อีกด้วย
โลโฟโฟรา
Lophophora
โลโฟโฟร่า (Lophophora) แคคตัสสายพันธุ์ยอดนิยมมาแรง รูปทรงซาลาเปาน่ารัก ออกดอกด้านยอด ต้นกลม เป็นกระบองเพชรไร้หนามที่มีประวัติยาวนาน และมีคุณสมบัติเป็นยาบรรเทาปวดใช้ในเขตพื้นที่ Rio Grand ชนพื้นเมืองโบราณของอเมริกา
ลำต้นของโลโฟโฟร่ามีลักษณะเป็นทรงกลม ผิวนุ่มนิ่ม บางคนเรียกว่า “ซาลาเปา” ดอกของโลโฟโฟร่าจะขึ้นมาเป็นกระจุกอยู่ด้านบนสุดของลำต้น สีดอกขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ลักษณะฝักเป็นแท่งยาว รี
เมโลแคคตัส
Melocactus
แคคตัสสกุล Melocactus พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมู่เกาะเวสต์อินดีส ทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกาและบราซิล
แคคตัสในสกุลนี้มีลำต้นสูงประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง มีตุ่มหนามรูปไข่ขนาด 2.5 เซนติเมตร ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มีลักษณะโค้งงอ แนบขนานไปกับนำต้น ทั้งหนามกลางและหนามข้างแข็งแรงมาก สีหนามมีหลายสี เช่น สีขาว น้ำตาลออกแดงเข้ม และดำ
เมื่อโตเต็มวัยพร้อมที่จะออกดอก กระบองเพชรชนิดนี้จะสร้าง Cephalium (เซฟาเรี่ยม) ซึ่งเป็นตุ่มแข็งสีขาวเป็นวงขนาดใหญ่บนยอด และอาจมีขนแข็งสีต่างๆ ได้ด้วย
ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในหลายๆ พื้นที่และหลายๆ สภาพแวดล้อม
แมมมิลลาเรีย
Mammillaria
สกุลแมมมิลลาเลีย (Genus Mammillaria) หรือเรียกกันสั้นๆว่า “แมม” เป็นสกุลหนี่งใน Cactaceae Family ของ Cacti ที่ประกอบด้วยสมาชิกหลากหลายสายพันธุ์ โดยมีถิ่นกำเนิดจากประเมศเม็กซิโก และบางสายพันธุ์ที่พบเห็นในสหรัฐฯ กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และแคริบเบียน เอกลักษณ์ของแมมคือ มีหัวจุกที่เป็นตุ่ม (tubercle) อยู่รอบลำต้น และมีหนามที่ส่วนปลายของตุ่ม ส่วนใหญ่ลำต้นจะมีขนาดเล็ก แต่บางต้นสามารถโตได้สูงสุดถึงประมาณ 40ซม
เนื่องจากเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่แห้งแร้ง จึงชอบดินที่มีความโปร่ง บางที่เวลาซื้อดินปลูกกระบองเพชรที่ปรุงมาสำเร็จรูป อาจเพิ่ม หินภูเขาไฟ (ขนาด 01) เพอร์ไลท์ หรือ
เวอร์มิคูไลท์ เพื่อเพิ่มความโปร่งให้ดินสามารถระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญชอบแดด ยิ่งแรงจะมีการเจริญเติบโตได้ดี ควรมีการรดน้ำแค่ประมาณ 3-10 วันครั้ง ขึ้นกับความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะช่วงฝนตกอาจเว้นระยะการรดน้ำ หากโดนน้ำมากอาจทำให้รากเน่าได้
โอพันเทีย
Opuntia
โอพันเทีย สายพันธุ์แคคตัสที่มีลักษณะใบรูปวงรี แต่แบน สีเขียว มีหนามรอบใบ บางสายพันธุ์มีหนามสีขาว บางสายพันธุ์มีหนามสีแดง แตกหน่อด้านบนไปเรื่อยๆ เมื่อโตเต็มที่ก็จะมีดอก สีขาว เหลืองหรือส้ม แล้วแต่สายพันธุ์ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้เห็นดอก
แคคตัสมิกกี้เม้าส์ก็เป็นหนึ่งในแคคตัสโอพันเทีย เช่นกัน
แคคตัสโอพันเทีย เป็นแคคตัสที่คนไทยรู้จักกันมานานนับสิบๆ ปี เชื่อว่าเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก เป็นไม้ที่ทนแดดได้เป็นอย่างดี สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีด้วยดินแคคตัสทั่วไป ใส่ปุ๋ยออสโมโค้ทลงไปเล็กน้อย แค่นี้ก็รอการเจริญเติบโตได้แล้ว ควรตั้งให้ได้รับแสงและแดด ส่วนตัวก็ปลูกและวางบนระเบียงหน้าห้องนอน โดนแดดเช้าเป็นหลัก ไม่มี
สแลนบังแดด แคคตัสโอพันเทียเป็นไม้ที่เจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว โดยจะมีการแตกหน่อที่ส่วนบน สูงขึ้นเป็นชั้นที่ 2,3 และ 4 ไปเรื่อยๆสามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย ด้วยวิธีการเด็ดหน่อและนำไปปักชำ สามารถเจริญเติบโตได้ค่อนข้างเร็วเพียงแค่ให้ได้แสงแดดและน้ำที่พอเหมา (โอพัน-เทีย เป็นแคคตัสสามารถรับแสงแดดได้โดยตรง)
เฟโรแคคตัส
Ferocactus
เฟโรแคคตัส มีอยู่ราว 35 สายพันธุ์ มีดอกเมื่ออายุมากพอควร มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา และแม็กซิโก รูปร่างกลมแป้นหรือกลม เตี้ย บางชนิดอาจมีความสูงได้มากถึง 3 เมตร สันลำต้นเป็นเหลี่ยมๆ มีร่องลึก สันหนามไม่แยกกัน สีลำต้นสีเขียวเข้มจนไปถึงสีเขียวอมฟ้า ลำต้นเดี่ยว ต้นอ่อนไม่มีหน่อ เว้นแต่ชนิดเฟอโรแคคตัส โรบัสตัส และ
เฟอโรแคคตัสฟลาโวไวเรน ที่สามารถแตกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนตุ่มหนามค่อนข้างใหญ่ มีหนามด้านข้าง และหนามกลาง มีลักษณะโค้งเป็นตะขอ สีหนามมีหลายสี เช่น สีเหลือง ชมพู สีส้มหรือสีแสด และสีแดง
อิชินอปซิส
Echinopsis
อิชินอปซิส เป็นพันธุ์ "กอ" ดอกของต้นกระบองเพชรชนิดนี้จะเป็นสีขาว จะบานสะพรั่งสวยงามแค่ตอนเที่ยงคืน จนถึง 8 โมงเช้า กระบองเพชรชนิดนี้มีหนาม แต่หนามนั้นมันไม่แหลมคมเหมือนพันธุ์อื่น
สกุลนี้มีประมาณ 60 ชนิด ส่วนมากมีลำต้นกลมหรือกลมแป้น บางชนิดที่มีอายุมากจะเป็นทรงกระบอก ลำต้นเป็นสัน 8-16 สัน มีทั้งต้นเดี่ยว และเป็นกลุ่มกอ แตกกอได้ตั้งแต่ต้นยังเล็ก บางชนิดอาจสูงได้มากกว่า 50 เซนติเมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 30 เซนติเมตร ผิวลำต้นมีสีเขียวสดใสหรือเป็นมัน ดอกสีขาวหรือสีชมพูอ่อน บางชนิดสีแดง มีก้านดอกยาวแทงออกจากปลายลำต้น ผลเป็นทรงกลม เป็นสกุลที่ปลูกง่าย และเลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ดีกับสภาวะอากาศของเมืองไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น